พล.อ.ดาว์พงษ์  รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)เเละที่ประชุมอธิการบดีเเห่งประเทศไทย(ทปอ.) เพื่อหารือกรณีที่มีมติให้ยกเลิกระบบแอดมิสชั่นส์ในปีการศึกษา2561 ว่า ทั้ง 3 องค์กรเห็นตรงกันในหลักคิด คือ ต้องการให้เด็กเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6 ก่อน ระบบใหม่ต้องไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง   เด็กสามารถเลือกเรียนในสาขาที่อยากเรียนต่อ มหาวิทยาลัยสามารถเลือกเด็กที่ตรงกับความต้องการ ลดการวิ่งรอกสอบ เเละต้องดูบริบทของมหาวิทยาลัยราชภัฏเเละมหาวิทยาลัยราชมงคลด้วย

ขณะเดียวกันที่ประชุมก็รับในข้อเสนอที่ทปอ.เสนอมา คือการรับนักศึกษาต้องไม่มีการสอบก่อนเดือนมีนาคม การสอบจะต้องเริ่มเดือนมีนาคมจนถึงกลางเดือนเมษายน  ระบบเคลียร์ริ่งเฮาส์  ต้องมี  2 รอบ ข้อสอบที่ใช้สอบกลางต้องมีชุดเดียว ซึ่งรายละเอียดของข้อสอบ ต้องมีการพูดคุยภายหลัง อาจจะนำข้อสอบGAT/PAT 9 วิชาสามัญเเละข้อสอบเฉพาะที่เดิมมหาวิทยาลัยออกเองมาบูรณาการกันเเละออกเป็นข้อสอบใหม่ เนื่องจากเวลาสอบมีอย่างจำกัด อาจสอบไม่ทัน

ส่วนการเลือกเรียนต่อเดิมที่กำหนดในระบบเเอดมิสชั่นส์คือ 4 อันดับ ระบบใหม่อาจมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ,วิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมี 4 วิธี คือ1.การยื่นผลงานหรือความสามารถ  เช่น  ดนตรี  กีฬา  เเละวิชาการโอลิมปิค ที่ไม่ใช้คะเเนนสอบร่วมด้วย  มหาวิทยาลัยเปิดรับได้ตลอดทั้งปี หากรับเเล้ว มหาวิทยาลัยจะส่งชื่อนักเรียนมายังระบบเคลียร์ริ่งเฮาส์ เพื่อตัดสิทธิ์ เเต่หากเปลี่ยนใจก็เเสดงความประสงค์ได้ก่อนเปิดให้เลือกมหาวิทยาลัยในระบบเคลียร์ริ่งเฮาส์รอบเเรก 2. โควต้า ที่ต้องใช้การสอบ ต้องใช้ข้อสอบกลางที่จัดสอบเพียงครั้งเดียวในเดือนมีนาคม  3.ระบบเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ 2 ครั้ง โดยใช้ข้อสอบกลาง  และ4.ระบบรับตรง ที่มหาวิทยาลัยดำเนินการเองได้ แต่ต้องดำเนินการหลังจากเคลียร์ริ่งเฮาส์

ขณะที่บางสาขาวิชาหรือมหาวิทยาลัยที่ต้องการการคัดเลือกเด็กโดยใช้ทักษะอื่นๆ  เช่น นาฏศิลป์ หรือศิลปกรรม อาจต้องมีการข้อสอบเพิ่มหรือไปทดสอบในรอบของการสอบสัมภาษณ์ได้  เเต่หากตกรอบสัมภาษณ์ ก็ยื่นใหม่ในระบบเคลียริ่งเฮาส์รอบ 2 ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าไม่นำเกรดเฉลี่ย(GPAX)หรือ ONET มาคิดเป็นคะเเนนนั้น ในนโยบายของตนอยากให้มี เเต่รายละเอียดต่างๆนั้นยังไม่ชัดเจน ต้องไปพูดคุยกับทั้งมรภ. มรท.เเละมหาวิทยาลัยเอกชนก่อน   หากทุกหน่วยงานยินดี คาดว่าจะต้องเร่งทำรายละเอียดในหลักการต่างๆให้ชัดเจนในสิ้นปีนี้เเละออกเป็นคู่มือให้กับเด็กได้ในเดือนเมษายนปีหน้า

พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยรัฐที่รับข้อเสนอเหล่านี้มี  27 เเห่ง เเต่วันนี้ มรภ.เเละ มทร.มาฟังข้อเสนอก่อนจะไปหารือกับมหาวิทยาลัยในสังกัดอีกครั้ง ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร เเต่เบื้องต้นมรภ. ต้องการให้รูปแบบการรับเข้าศึกษาต่อ  ต้องคำนึงถึงการพัฒนาคนในท้องถิ่น เพราะร้อยละ 85 ของนักศึกษาราชภัฏจะกลับไปทำงานในท้องถิ่น

ขณะที่มทร. อยากได้เด็กที่มีความสามารถวิชาชีพที่เฉพาะทางเเละเป็นที่ต้องการของตลาดเเรงงานมากขึ้น เเละทั้ง2 เเห่งอยากจัดสอบตรง เพื่อรับเด็กเข้าศึกษาต่อเอง 1 ครั้ง ซึ่งหลังจากนี้ต้องไปหารือกันอีกครั้ง 

From: http://www.topicza.com/news14063.html